สิ่งเป็นเหตุเป็นปัจจัยต่อกัน ตอน 2 พระครูเกษมธรรมทัต (สุรศักดิ์ เขมรํสี)

แต่ความเป็นจริงมันไม่ใช่เราเลย  ไม่ใช่ของเราไม่ใช่ตัวเรา   สุขทุกข์มันก็เป็นเพียงเวทนาเป็นธรรมชาติ    ความสุขความทุกข์ก็คือธรรามชาติที่เกิดขึ้นสักแต่ว่าเป็นเวทนาที่ปรากฏในลักษณะอาการแห่งการไม่สบายกายหรือสบายกาย หรือดีใจหรือเสียใจหรือเฉย ๆ    มันเป็นเพียงเวทนา    ฉะนั้นต้องพิจารณาลงไปหยั่งรู้ลงไปในเวทนา เพื่อให้เห็นว่าเวทนาก็สักแต่ว่าเวทนา  ไม่ใช่เราไม่ใช่ตัวตนของเรา    สัญญาคือความจำ  ปุถุชนก็ไปสำคัญมั่นหมายว่าเป็นเรา  เราจำได้หมายรู้  เราจำรูปเราจำเสียงเราจำกลิ่น  เราจำรสเราจำสัมผัสได้    แต่เมื่อไปกำหนดพิจารณาให้ลงไปชัดเจนแยบคายในสัญญา ก็จะพบว่าสัญญานั้นก็เป็นเพียงสัญญา    สัญญาก็คือธรรมชาติที่เกิดดับหมดสิ้นไป   ไม่ใช่ตัวตนว่าเป็นเราเป็นของเราเลย สังขารคือความปรุงแต่งในจิต ปุถุชนก็ยึดว่าเป็นเรา    ความชอบใจไม่ชอบใจ  ความรักความชัง  เหล่านี้เป็นสังขาร    สำคัญมั่นหมายว่าเราชอบใจเราไม่ชอบใจ เรากลัวเราฟุ้งเราสงบเราไม่สงบ  เราโลภเราโกรธเราหลง  เป็นตัวเราไปหมด  เป็นของเราไปหมด    แต่ความจริงมันหาใช่เป็นเราเป็นของเราไม่   … Read more

สิ่งเป็นเหตุเป็นปัจจัยต่อกัน ตอน 1 พระครูเกษมธรรมทัต (สุรศักดิ์ เขมรํสี)

นมตถุ  รตนตตยสส    ขอถวายความนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย  ขอความผาสุกความเจริญในธรรม จงมีแก่ญาติสัมมาปฏิบัติธรรมทั้งหลาย           ต่อไปนี้จะได้ปรารภธรรมะ  ตามหลักคำสั่งสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า  เพื่อเป็นเครื่องส่งเสริมสติปัญญาในการประพฤติปฏิบัติธรรม    เพื่อลดละสละวางจากความยึดมั่นถือมั่น  ทำลายอาสวกิเลส  บรรลุมรรคผลนิพพานเป็นเป้าหมายเป็นที่สุด     ปุถุชนนั้นก็จะมีความยึดมั่นถือมั่นในสังขาร    คือร่างกายและจิตใจนี้ว่าเป็นเราเป็นของเรา เป็นตัวตนของเรา  เพราะว่าไม่ได้สดับ ไม่ได้ปฏิบัติ ไม่ได้เจริญสติพิจารณาให้เห็นชัดตามความเป็นจริงจากอดีตจนถึงปัจจุบันและต่อไปในอนาคต    ถ้าไม่ได้ปฏิบัติให้เข้าถึงซึ่งพระธรรมสัจธรรมความยึดมั่นถือมั่นในสังขารก็จะมีเรื่อยไป           พระพุทธเจ้าครั้งหนึ่งประทับอยู่ที่ ณ พระวิหารเชตวัน นครสาวัตถี   ณ ที่นั้นพระผู้มีพระภาคเจ้าก็ได้ตรัสเรียกภิกษุทั้งหลายแล้วก็ตรัสว่า “ดูก่อน ภิกษุทั้งหลาย   ปุถุชนผู้ไม่ได้สดับจะเบื่อหน่ายบ้างคลายกำหนัดบ้างหลุดพ้นบ้างในร่างกายอันเป็นที่ประชุมแห่งมหาภูตรูปทั้งสี่นี้    ข้อนั้นเพราะเหตุไร   … Read more

หยุดใจให้ไร้อยาก ตอน 2 โดย พระครูเกษมธรรมทัต (สุรศักดิ์ เขมรํสี)

แต่ถ้าความสงบในลักษณะของสมถะอันนั้นมันจะต้องเพ่งเข้าไปจ้องดูจ้องรู้เข้าไปในอารมณ์ใดอารมณ์หนึ่งเช่น เพ่งลมหายใจก็ดูเพ่งไปที่ลมหายใจอย่างเดียว ดูความหมายลมเข้า ลมออก เรียกว่าการเจริญสมถะ มันจะต้องควบคุม จะต้องบังคับ จะต้องสะกดลงไปต้องจ้องต้องจับในอารมณ์เดียว ในลักษณะอย่างนี้ ถ้าหากว่าเพ่งอยู่จุบอยู่มันก็จะสงบ และก็เป็นความสงบที่มาก เป็นความสงบที่แนบเนียนที่แนบแน่นลงไป เกิดความสุขมากเกิดความเอิบอิ่มใจมาก แต่ถ้าหากว่าเพ่งลงไปก็จ้องจับลงไปประคับประคองจ้องลงไปเพ่งลงไป ถ้ามันไม่อยู่ขึ้นมามันก็จะฟุ้งมาก เกิดความฟุ้งซ่านเกิดความหงุดหงิดรำคาญใจ นั่นลักษณะของการเจริญสมถะ แต่การเจริญวิปัสสนามันไม่ได้ทำอย่างนี้ เจริญวิปัสสนามันปล่อยวางมีสติระลึกรู้สภาพธรรมต่างๆ ไม่ใช่ไปจ้องไปกดไปสะกด “เจริญวิปัสสนามันใช้สติสัมปชัญญะ ระลึกรู้สภาพธรรมต่างๆ ไม่เจาะจงว่าจะต้องเป็นอารมณ์นั้นอารมณ์นี้ อารมณ์มันดีก็ตามไม่ดีก็ตามสงบก็ตามไม่สงบก็ตาม มันเกิดขึ้นอย่างไรก็รู้อย่างนั้น และก็รู้อย่างไม่ต้องการอย่างไม่ปฏิเสธ” แนวทางการเจริญสมถะกับวิปัสสนามันต่างกัน วิปัสสนาระลึกอารมณ์ต่างๆ ไม่เลือก บางขณะระลึกรู้ความรู้สึกที่กายดูความรู้สึก… Read more

หยุดใจให้ไร้อยาก ตอน 1 โดย พระครูเกษมธรรมทัต (สุรศักดิ์ เขมรํสี)

โดย พระครูเกษมธรรมทัต (สุรศักดิ์ เขมรํสี)  นมัตถุ รตนัตตยัสสะ ขอถวายความนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย ขอความผาสุกความเจริญในธรรม จงมีแก่ญาติสัมมปฏิบัติธรรมทั้งหลาย ต่อไปนี้จงตั้งใจฟังธรรมพร้อมกับการปฏิบัติธรรม เจริญสติสัมปชัญญะ พร้อมกับการฟังธรรมก็จะได้รับประโยชน์ยิ่งขึ้น ได้ประโยชน์ทั้งในส่วนของความรู้จากการฟัง เรียกว่า สุตมยปัญญา ได้ประโยชน์ทั้งในส่วนของความคิดพิจารณาระลึกรู้สภาพธรรมที่กำลังปรากฎในขณะนี้ จนรู้แจ้งตามความเป็นจริง เป็นภาวนามยปัญญา ปัญญาที่เกิดจากการเจริญภาวนา ปัญญาก็มีสามระดับคือ หนึ่งระดับจากการฟัง สองระดับจากการคิด สามระดับจากการรู้เห็นเฉพาะหน้า คือ เมื่อมีสติระลึกรู้สภาวะธรรมที่กำลังปรากฏก็เกิดปัญญา มีปัญญาปรากฏเกิดขึ้นเป็นภาวนามยปัญญา เรื่องการประพฤติปฏิบัติส่วนมาก นักปฏิบัติก็มัดจะมีปัญหาเกี่ยวกับเรื่องว่า “ปฏิบัติแล้วไม่สงบ” “อยากจะสงบ”… Read more

พระอรหันห์ตอบแทนคุณ

พระสารีบุตรแรกเกิดชื่อว่า “อุปติสสะ” เป็นบุตรของนางพราหมณีชื่อสารีและพราหมณ์ชื่อ วันคันตะ ผู้เป็นหัวหน้าหมู่บ้านอุปติสคามแห่งตำบลนาลกะหรือนาลันทะ ในวันเดียวกันวันที่นางพราหมณีสารีให้กำเนิดอุปติสสะ นั้นมีครอบครัวข้างเคียงให้กำเนิดบุตรชื่อว่า โกลิตะ หรือเมื่อต่อมาพระมหาโมคัลลานะเมื่อเจริญเติบโตขึ้นก็ได้มาเป็นเพื่อนสนิท กัน วันหนึ่งอุปติสสะและโกลิตะได้ช่วนกันไปเที่ยวในงานรื่นเริงประจำปีในกรุงราช คฤห์ ขณะชมมหรสพอยู่นั้นเกิดความสลดใจขึ้นมาอย่าง เดียวกันว่ากิจกรรมนี้ชั่งไร้สาระสิ้นดี หาสาระอะไรไม่ได้เลยควรจะหาสิ่งใดเป็นเครื่องยุดเหนี่ยวและหลุดพ้นจากบ่วง เช่นนี้ต่อมาสองสหาย ได้ไปมอบตัวเป็นศิษย์ของสำนักทางปรัชญาผู้มีชื่อเสียง นามว่า สัญชัย เวลัฏฐบุตรเช้าตรู่วันที่พระอัสสะชิหนึ่งในปัญจวัคคีย์ที่บรรลุ พระอรหันต์แล้วห่มจีวรถือบาตรไปสู่กรุงราชคฤห์เพื่อบิณฑบาทอุปติสสะเมื่อพบ พระอัสสะชิเถระเกิดความประทับใจในพระอิริยาบทที่สำรวมและ น่าเลื่อมใสของพระอัสสะชิผู้มีอินทรีย์ฝึกมาดีแล้วจึงเกิดคิดว่าท่านผู้นี้ จักต้องเป็นพระอรหันต์ จึงได้ตามพระอัสสะชิไปข้างหลังและรอคอยโอกาสที่เหมาะสม แล้วจึงสอบถามพระเถระพระอัสสะชิเถระได้แสดงธรรมของพระผู้มีพระภาคเจ้าว่า ธรรมเหล่าใดมีเหตุเป็นแดนเกิด พระตถาคตเจ้าตรัสเหตุแห่งธรรมเหล่านั้น และความดับแห่งธรรมเหล่านั้นพระมหาสมณเจ้ามีปกติตรัสอย่างนี้ครั้นเมื่ออุป ติสสะและโกลิตะได้ชวนกันไปเฝ้าพระสัมมาสัมพุทธเจ้าต่อมาพระสัมมาสัมพุทธเจ้า… Read more

Archives

วิธีไหว้พระตรีมูรติ ขอพรความรัก

คนส่วนใหญ่เชื่อกันว่าหากบูชา “พระตรีมูรติ” จะ มีความหมายที่แสดงถึงความอุดมสมบูรณ์ทั้งในชีวิต ความรัก และการงาน แต่ในปัจจุบัน ได้รับการเทิดทูนจนกลายเป็นสัญลักษณ์ใหม่ ของการประทานความรัก โดยเทวรูป “ตรีมูรติ” ที่อยู่หัวมุมด้านซ้ายของห้างเซ็นทรัลเวิลด์ ตรงข้ามกับพระพรหมที่โรงแรมเอราวัณ มักจะมีหนุ่มสาวจำนวนมากไปสักการบูชาและขอพรเกี่ยวกับความรัก หรือการขอพรให้มีบุตร การสักการะบูชา         1. ดอกกุหลาบสีแดง 9 ดอก / พวงมาลัยดอกกุหลาบ 1 พวง ( เป็นสัญลักษณ์แห่งความรัก หรืออีกนัยหนึ่งคือเป็นสัญลักษณ์ของโลกียะ ความเป็นมงคลและพลังชีวิต )… Read more
© 2024 Ninenovel - Theme by WPEnjoy